Digital Brilliant Life Thailand 4.0
ท่ามกลางกระแสไทยแลนด์ 4.0 ที่เป็นสมญานามย่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจไทยรอบใหม่รองรับอนาคต 20 ปีข้างหน้า ที่แวดข้างต่างรายล้อมไปด้วยกระแสเทคโนโลยีกระแสหลักคนเดียวบินเดี่ยว กระแสนี้ คือ ดิจิตอล ที่วันนี้ ผู้บริหารประเทศกำลังชี้นิ้วให้มุ่งหน้าสู่ทุ่งกว้างอันไกลโพ้น ที่ต้องการยกระดับคนไทยไปสู่ระนาบหรือแพลตฟอร์มใหม่ ตามแผนที่นำเสนอโดยคณะทำงานฯ
ที่มีไอที ดิจิตอลเป็นดั่งเม็ดเลือดแดงในเส้นเลือดที่จะถูกสูบฉีด ขับเคลื่อนนำสารอาหารและออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกาย นัยว่าเป็นการขับเคลื่อนไปตามกระแสโลก นัยว่าหากไม่เอาด้วยกับกระแสนี้ประเทศไทยคงจะไม่สามารถแข่งขันได้และจะตกยุคและสูญหายไปในที่สุด และก็เป็นความจริงที่บรรดาประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีได้มีพัฒนาการไปไกลโขแล้ว ด้วยการประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมามากมาย ที่แทบจะเป็นการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน พลิกกิจกรรมการผลิต จากเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเดิม ๆ ไปสู่กิจกรรมการผลิตและบริการที่มีไอทีดิจิตอลปนเปื้อนไปทุกแห่งหน และแพร่หลายได้รวดเร็วกว่ากัมมันตรังสีใด ๆ
กระแสการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีดิจิตอลที่ได้พัฒนาไปไกลมากนี้ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงโครงการเศรษฐกิจ โครงสร้างการจ้างงาน ที่เทคโนโลยีเข้ามาแทนคนได้มากขึ้น จนส่งผลกระทบไปสู่การลดต้นทุนอย่างมหาศาล การรุกยึดอำนาจด้านอีคอมเมิร์ชของอาลีบาบา การพัฒนาของเทคโนโลยี cloud การเห่อกับคำว่า Big Data Data Science จนเกิดอาการสำลักดิจิตอล ที่หน่วยงานนวัตกรรมของประเทศมองหาแค่ผลสำเร็จ โดยมิได้มองถึงเส้นทางพัฒนาการ เราจึงไม่เห็นการเกิดขึ้นอย่างเข้มแข็งจากภายในของนักพัฒนารายใหม่
ทำให้หลายธุรกิจที่ไม่สามารถจะปรับตัวให้ทัน ปรับต้นทุนให้ลดลงได้ทันกับคู่แข่งต้องปิดกิจการไปแล้วมากมาย กลายไปสู่ความหวาดกลัวของการจ้างงาน ที่ทำให้ต้องเอาตัวรอด บ้างก็ต้องหนีไปสู่แวดวงกิจการใหม่ ค้นหาทางรอดด้วยธุรกิจแนวใหม่ บ้างก็ต้องยืนสู้ไปบนเวทีกระแสหลักคือกระแสไอที เกิดเป็นกระแส Tech StartUp ที่ไม่มีจุดหมายที่ชัดเจน
กระแส Fin Tech กระแส Startup เป็นคำที่โหมกระหน่ำเข้ามาที่เราได้ยินกันแทบทุกวัน ดั่งเหมือนว่า Fin Tech และ E-Commerce จะเป็นเพียงปัจจัยเดียวของโลกใบนี้ทั้งใบ ทั้ง ๆ ที่กระบวนการ กิจกรรมในสังคมโลกใบนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งการปลุกกระแสโดยรัฐบาลเองในการที่จะมุ่งสร้างโปรแกรมเมอร์ภายในประเทศจำนวนมากมาย การสร้าง EEC โซนในภาคตะวันออก
ในขณะที่กลับมีข่าวคราวจากภายนอกประเทศที่ว่าด้วยอนาคตนักพัฒนาโปรแกรมของบางชาติที่อาจจะตกงานจำนวนมากมายในปีนี้เพราะฝีมือที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ก็ยิ่งเป็นข่าวคราวสร้างความสงสัย ท้าทายว่า อุตสาหกรรมดิจิตอลในเมืองไทยจะเริ่มต้น เดินหน้าและเติบโตต่อไปได้อย่างไร ?
ในด้านสังคม ผู้คนได้รับการปลูกฝังในการแข่งขันการสร้างตัว สร้างครอบครัว สร้างความร่ำรวยทางวัตถุ เพื่อความอยู่รอดในสังคมยุคใหม่ ทุกคนเล็งไปถึงเป้าหมาย แต่หลายคนไม่ทราบถึงหนทางที่ชัดเจนและยั่งยืนจริง ๆ จนอาจจะกลายไปสู่การผู้หลงทางและเป็นเหยื่อของทุนเศรษฐกิจใหม่ ที่จะคืบคลานมากลืนกินผู้แพ้ในเกมส์ดิจิตอลยุคนี้ ที่จะต่างกันจากเดิมที่จะหยอดเหรียญเล่นใหม่ไม่ได้
แล้วเราจะรับมืออย่างไร หรืออย่างไหนคือหนทางรอดในโลกดิจิตอลใบนี้ รัฐบาลจะนำรัฐนาวานี้ให้รอดไปอย่างไร ประชาชนคนไทยจะมีส่วนร่วมในการช่วยแจวเรือลำนี้อย่างไร เราจะต้องเป็นผู้ตามทางเทคโนโลยีกันต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลานหรือไม่ หรือเราจะลุกขึ้นยืนอย่างกล้าหาญเพื่อประกาศถึงพัฒนาการของคนไทยเองหรือไม่
เห็นด้วยกับทิศทางการก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 อย่างเต็มที่ 100% ว่า หากเราไม่เตรียมพร้อมเพื่อไปถึงตรงนั้นจุดนั้น จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง
รัฐบาลที่จะต้องเตรียมในส่วนของการพัฒนาข้าราชการและกลไกการทำงาน และต้องส่งเสริมภาคธุรกิจเอกชน การศึกษา ศาสนา สังคมและครัวเรือนขนานกันไป ให้มีความพร้อมไปอย่างเท่าทัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เราจะยกระดับทุกคนไปให้ไปนั่งในแพลตฟอร์มใหม่ได้พร้อมกันทั้งหมดในเวลาเดียวกัน เป็นไปไม่ได้ที่เราจะรื้อถอนแก้ไขแพลตฟอร์มเดิมที่ยุ่งเหยิง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างแพลตฟอร์มที่มีระบบการบริหารจัดการใหม่ที่มีกลไกทางด้านดิจิตอลขึ้นมาที่พร้อมและสามารถรองรับการขยายตัวไปในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องยั่งยืน และทำการเคลื่อนย้ายระบบราชการ ธุรกิจ และภาคประชากรของประเทศไปสู่แพลตฟอร์มใหม่ตามลำดับความสำคัญ ความจำเป็น และตามกำลังศักยภาพของประชากรและระดับปัญญาของชนชั้นผู้นำทางความคิดและเทคโนโลยี
บนเส้นทางสู่แพลตฟอร์มใหม่นั้น มีสิ่งหนึ่งที่จะเป็นแนวทางและสติเตือนใจผู้คนและเป็นแนวทางของบ้านเมืองนั่นคือการพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียง ที่ไม่ได้หมายถึงการสร้างเศรษฐกิจแบบง่าย ๆ สบาย ๆ ตามใจที่ฉันอยากจะทำ แต่กินใจความลึกซึ้งไปถึงการพัฒนาการอย่างเท่าทัน อย่างฉลาด พึ่งพาตนเอง แข็งแกร่งจากภายใน อย่างเป็นสุขและอย่างสมดุล
ท่ามกลางกระแสน้ำแห่งการแข่งขันที่เชี่ยวกราก ที่ทำให้ผู้คนต้องใช้ชีวิตเหมือนการวิ่งมาราธอนด้วยความเร็วในแบบการวิ่งลมกรด 100 เมตร ย่อมสร้างความเหนื่อยล้าบิดเบี้ยวแก่ชีวิตของผู้แข่งขัน จนจะหาความสุขหรือจะมีชีวิตที่มีคุณภาพมิได้
สมดุลแห่งชีวิตได้เปลี่ยนไป
ท่ามกลางกระแสดิจิตอลนี้ เราอยากนำเสนอให้พิจารณาทำความเข้าใจถึงแก่นของกระแสสมดุลแห่งชีวิต เพื่อให้เราสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงปลอดภัย รอดพ้นจากความเสี่ยงภัยทางเศรษฐกิจ
กระแสสมดุลแห่งชีวิต เป็นดั่งกระแสสายพุทธ แต่ก็เป็นที่รู้สำนึกได้จากจิตสำนึกและปัญญาพื้นฐานทั้งคนจากชาติตะวันออกและตะวันตก หากแต่ได้มีการคิดค้น รวบรวมและนำเสนอไว้เยี่ยงการมีทฤษฏีรองรับ โดยนักปรัชญา นักคิด นักพูด นักเขียนมากมาย ด้วยเพราะสมดุลชีวิต คือหลักความจริง หลักวิทยาศาสตร์ และเป็นหลักธรรมชาติ
สมดุลแห่งชีวิต เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถสร้างได้ และถือเป็นปฐมบทแห่งชีวิตที่มั่นคงยั่งยืน เป็นภูมิคุ้มกัน สร้างการรู้ทันและช่วยให้รับมือได้กับความเสี่ยงท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงแห่งเทคโนโลยี
มีหนังสือแปลเล่มหนึ่ง ที่แปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ ต้นฉบับชื่อ Brilliant Life ตามปกแนบ มีเนื้อหาที่เรียบง่ายอ่านได้อย่างสบาย พร้อมสำนวนแบบฝรั่งที่จะทำให้คุณหัวเราะและยิ้มได้ มาพร้อมคำแนะนำในการสร้างสมดุลแห่งชีวิตในแต่ละด้าน เป็นเรื่องความเป็นไปได้บนการปฏิบัติขั้นพื้นฐาน เช่น สมดุลด้านสุขภาพ ด้านครอบครัว ด้านความสัมพันธ์ ด้านการเงิน และด้านการงาน ที่ขอเพียงเจ้าของชีวิตจะได้หยุดทบทวนและประเมินตนเองตามคำแนะนำ เพื่อค้นหาส่วนที่ไม่สมดุลของตนเอง พร้อมตัวอย่างหนทางการปรับสมดุล ผ่านมุมมองสมดุลที่มีการพิสูจน์แล้ว มีการบันทึกความก้าวหน้าในการประเมิน มีการสร้างกราฟสมดุลชีวิตเพื่อติดตามสถานะการพัฒนาการหลังการปรับปรุง
ห่างไกลออกมาจากตำรา ก็มีตัวอย่างบุคคลในแวดวงไอทีและเทคโนโลยี ต่างกล่าวถึงการสร้างสมดุลชีวิต เช่น การคำนึงถึงสุขภาพร่างกายและจิตใจ การแบ่งปันความรู้ การช่วยเหลือสังคม กระแสสังคมจึงเป็นการเตรียมความพร้อมขั้นพื้นฐานของสังคมไทย ก่อนการก้าวสู่กระแสเศรษฐกิจยุคดิจิตอล
ทีมงานสมองไทยแลนด์ ที่เราได้ทำการพัฒนา Middleware ในการก้าวสู่ความเป็นแพลตฟอร์มระดับโลก มีความพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 และเพื่อเป็นการแสดงถึงความสามารถของระบบและทีมงานพัฒนา เราจึงพร้อมที่จะนำเสนอความสุขสู่สังคมด้วยการมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมดิจิตอลสมดุลแห่งชีวิต (Digital Brilliant Life) ตามแนวนโยบายของเรา ด้วยการที่เราได้ทุมเทศึกษากลไก สมดุลแห่งชีวิต หยิบเอาวิธีการ ขั้นตอนการประเมินตามหนังสือเล่มนี้ ประกอบกับประสบการณ์ของนักพัฒนาที่คร่ำหวดอยู่กับสังคมไทยที่บิดเบี้ยวมายาวนาน เพื่อสร้างเป็นซอฟ์แวร์ระดับแอพพลิเคชั่น ในนาม Samong.ME ที่มีการประเมินในทุกมุมมองตามหลักการ เป็นแอพพลิเคชั่นขนาดใหญ่ ที่ประกอบด้วยการทำงานในระดับฐานข้อมูล การประเมิน การคำนวณทางการเงิน แต่ด้วยความยากที่จะปรับให้เรื่องที่ยิ่งใหญ่กว้างขวาง กลายเป็นเรื่องง่ายดายต่อการใช้งานไปในพริบตา จึงต้องเข้าทำนองยาดีต้องมีขม ในเบื้องต้นเราจึงจะนำออกมาเผยแพร่ต่อสังคมเป็นรุ่นทดสอบเป็นการแบบแยกส่วน (ในนาม อะตอม หรือโครงสร้างระดับเล้ก ๆ ลงของโมเลกุล) ที่ประกอบไปด้วย การประเมินสมดุลด้านต่าง ๆ และท้ายที่สุดจะประกอบไปด้วยการประเมินสมดุลด้านต่าง ๆ รวมทั้งทางด้านการเงิน การจัดการการเงินที่มากไปกว่าการวางแผนการเงินธรรมดาๆ
Samong Thailand จึงจะใช้งาน Samong.ME เปรียบเสมือนเพื่อนคู่คิด เพื่อชีวิตและสังคมล้ำสมัย ก่อนที่จะก้าวล้ำไปสู่การพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับวงการอื่นต่อไป ที่เราจะก้าวอย่างอย่างสมดุล เพื่อสร้างงานแอพพลิเคชั่นที่มีคุณภาพยั่งยืน ยาวนาน และสานต่อฝันการพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนซอฟท์แวร์ต่อไป
ด้วยจิตคารวะ
ไพพัฒน์
20/4/2017
1803total visits,2visits today