Server or VPS
Server หรือ VPS คืออะไร ?
หลายท่านคงจะคุ้นเคยกับ คำว่า Server และ VPS พอสมควรครับ แต่อาจจะยังไม่ได้เจาะลึก ว่ามันเหมาะกับการใช้งานแบบไหน หรือแตกต่างกันอย่างไร รวมทั้งการดูแลรักษา ความเหมาะสมคุ้มทุนควรจะต้องพิจารณาอะไรบ้าง
- ความหมาย
- การใช้งานของแต่ละประเภท
- การดูแลรักษา
- Server & Cloud Server
- ควรจะลงทุนแบบไหนดี
เริ่มกันที่ความหมาย
แต่ก่อนอื่นมาทำความรู้จักหน้าตาของ Server กันก่อน ตามภาพครับ ที่มีกันอยู่หลายยี่ห้อ และรูปร่างก็เป็น แบบ แบนๆ ในแนวนอน แบบนี้จะเรียกกันว่าเป็นแบนแบบ Rack แบบ Blade และแบบแนวตั้ง แบบคอมพิวเตอร์ที่เราคุ้นเคย หรือเรียกว่า Tower
Rack Server & Tower Server Blade Server
ภาพรวม ๆ ในตู้ Server ที่ประกอบด้วย Server แบบ Rack และแบบ Blade และแน่นอนในห้องนี้ก็เต็มไปด้วยสาย Lan
ครานี้ก็มาดูว่า ในตัว Server มีอะไรบ้าง ก็เต็มไปด้วย แผ่นวงจรอิเลกทรอนิกส์ (Card) ฮารดดิสก์ (HDD แบบจานหมุน, SSD แบบ Solid state แนวๆ SD Card) หน่วยความจำ (RAM) พัดลม (Fan) แหล่งจ่ายไป (Power Supply Unit:PSU ที่อาจจะมี 2 ชุดใน 1 Server)
โดยในแต่ละตัวแต่ละรุ่น ผู้ผลิตก็จัดทำมาให้มีขนาดแตกต่างกันไป ให้ผู้ใช้งานเลือกซื้อตามความต้องการ ตามกำลังทุนของโครงการ
หรือในบางกรณี หลายท่านก็เอาคอมพิวเตอร์ธรรมดานี่แหละมาทำเป็น Server ซะเลย โดยผู้เช่าใช้พื้นที่ ไม่รู้เลยว่ามันคือ Server ตัวจริงหรือตัวปลอม เล่นเอาคนที่ทำกิจการแบบนี้ในช่วงแรก ช่อง ดอทคอม ร่ำรวยกันไปมากมาย
แล้ว VPS คืออะไร หน้าตามันเป็นแบบไหน
VPS คือ Virtual Private Server คือ Server แบบเสมือน มันเป็นราวๆ กับว่า ทำการแบ่งห้อง ย่อย ๆ ใน Server เป็นห้องย่อยอีกที
ลองเอาโรงพยาบาล มาเทียบเป็น Server ก็แล้วกัน กล่าวคือ หาก โรงพยาบาล เป็น Server แล้ว มีเตียงคนไข้แบบ เตียงในห้องรวม และเตียงในห้องพิเศษ
- ห้องพิเศษ ก็จะเป็น VPS
- ห้องเตียงรวม ก็คือ การใช้บริการแบบ Hosting คือ มีเตียงตัวเองนะแหละ แต่นอนรวมๆ เรียงกันไป
- โดยทั้งหมอ และพยาบาลก็อาจจะใช้รวมกันบ้าง แต่ในห้องพิเศษก็อาจจะมีคุณหมอ คุณพยาบาลเป็นพิเศษอีกก็ได้
การใช้งาน Server กับ VPS
- ใครควรจะมี Server เอง ก็พวกที่เปิดให้บริการ Hosting เช่าพื้นที่ทำเวบไซต์ หรือเป็นองค์กรบริษัทใหญ่ ๆ หน่อย ที่ต้องการใช้พื้นที่ หน่วยความจำ CPU มาก ๆ ก็ซื้อเครื่องมาลงเองซะเลย ใช้เองเจ้าเดียว
- ส่วนคนที่ ต้องการมีความเป็นส่วนตัว แต่ไม่อยากลงทุนเยอะ หรือช่วงที่ต้องการทดลอง โครงการบางอย่าง ก็สามารถที่จะขอจับจองห้องพิเศษให้พอเหมาะกับขนาดของงาน
- แล้วคนมาใช้พื้นที่ละ เรียกว่า อะไร เหล่านี้ คือ เตียงนอนในห้องรวม ที่ใช้พื้นที่เล็ก ๆ แค่เตียงขอบเตียง สายออกซิเจน และการตรวจไข้ของพยาบาลตามเวลาและตามสถานการณ์
แน่นอน Server ทั้งตัวจึงมีราคาสูงกว่า VPS โดย Server 1 ตัวสามารถแบ่งเป็น VPS ได้หลายตัว ขึ้นอยู่กับว่าขนาด Server เริ่มต้นที่เท่าไหร่ หรือ VPS ที่ต้องการจะแบ่ง มีขนาดเล็กใหญ่เท่าไหร่
การดูแลรักษา
การเลือกใช้ VPS โดยไปขอเช่าจากคนที่มี Server จึงเป็นทางเลือกที่ดี ตามความเหมาะสมคุ้มค่ากับประโยชน์ที่ได้จากสิ่งที่อยู่ใน VPS โดย ไม่ต้องกังวลเรื่องการบำรุงรักษา ซ่อมแซมเปลี่ยนดิสก์ เพิ่มแรม ขอเพียงแต่จ่ายค่าบริการค่าเช่าให้ตรงเวลา ก็เป็นอันจบข่าว
แต่สำหรับคนที่เป็นเจ้าของ Server ก็จะลำบากหน่อย ก็ต้องคอยดูแล ซ่อมแซม ทำอะไหล่สำรอง ทำการสำรองข้อมูลยามดึก ดื่น ๆ หรือบางที่ก็ต้องเข้าไปยัง Data Center ยามค่ำคืน แต่รายได้จากการลงทุน ให้เช่า และมีทุนอย่างเพียงพอ ก็เป็นการลงทุนที่น่าพอใจ แต่ในทางกลับกัน เมื่อมีการแข่งขันสูงและต้องสู้กับ Cloud Server ก็ยิ่งเป็นความเสี่ยงของผู้ให้บริการ Server แบบเดิม ๆ ที่ต้องหาทางออกเตรียมตัวหนี หรือเพิ่มมูลค่ากิจการจากวิธีการอื่นๆ เช่น การสร้างแพลตฟอร์ม ให้บริการบนระบบ Server ของตัวเอง
Server & Cloud Server
ก็มาถึงเรื่องนี้ มาทำความรู้จัก Cloud Server กัน ที่เราได้ยินโฆษณาว่า Cloud ไม่มีล่ม (แต่จริง ๆ ก็ยังมีล่มไม่ว่าจะรายใหญ่ ๆรายไหนก็ตาม) นั้นก็เพราะว่า Cloud server คือ การประกอบรวมตัวกันของ server หลายๆ ตัว ที่มีหน้าที่ต่างๆ กัน และสำรองกันและกัน และจะมีแหล่งจ่ายไฟสำรองจาก 2 แหล่ง พร้อมไฟสำรองจาก Generator อีก
ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับพวกที่ชอบโกงขาวบ้าน ก็เอา Server ตัวเดียวนี่แหละมาแบ่งเป็น VPS แล้วรวมตัวกันเป็น Cloud Server แต่ลืมยึกไปว่า ใน Server นั้นหากล่มขึ้นมาหรือสายไฟหลุด ก็จบข่าว
ดังนั้น เพื่อให้ได้ Cloud Server ตัวจริง ที่มีพื้นที่ ทรัพยาการให้ใช้ได้และไม่ล่ม จึงต้องใช้ Server หลายตัวจริง ๆ มีตัวที่ทำหน้าที่เป็น Storage และตัวสำรองอีก ไหนจะต้องมีศูนย์สำรองอีกต่างหาก จึงมีมูลค่าการลงทุนราวๆ 10 เท่าของ Server ตัวเดียว ฉะนั้นการใช้บริการจากระบบ Cloud จึงยังมีค่าบริการสูงอยู่มากเมื่อเทียบกับการใช้บริการ Server ปกติ แต่ต้องแลกกับกับความเสี่ยงที่จะมีเครื่องดับบ้าง
ควรจะลงทุนแบบไหนดี
- หากต้องการมีเวบไซต์ทั่วไป ใช้บริการจากโฮสติ้งปกติก็พอละครับ ค่าบริการปีละ 750 – 1000 บาทรวมค่าโดเมนแล้ว
- หากต้องการมีกิจการโฮสติ้งของตัวเอง ก็เริ่มจากใช้บริการ VPS จองห้องพิเศษ แล้วมาทำเป็นโฮสติ้ง ก็ใช้ได้พอสมควร ไว้พอมีลูกค้ามากเพียงพอก็ค่อย ๆ ขยับขยายกัน
- หากมีืุนเพียงพอ ก็ลงทุนซื้อ Server เอง แล้วฝากไว้กับ Data Center อีกที การฝากวางแบบนี้เรียกว่า Colocation
- หากร่ำรวยสุด ๆ ก็วางระบบ Cloud ไว้กับ Data Center ซะเลย
- หนักกว่านั้น คือ เปิด Data Center เอง ทำ Cloud เองซะเลย
- แต่หากคุณมีของดี ผมหมายถึงแอพพลิเคชั่นดีๆ เจ๋งๆ หรือ ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่พอจะมีลูกค้าเองได้มากมาย สร้างรายได้เหมาะสม และดูแลระบบเอง ก็เป็นโอกาสที่คุณจะทำเองมันทั้งระบบ ฮารดแวร์ และซอฟต์แวร์
- แต่หากไม่อยากเป็นภาระเรื่องการดูแลเครื่อง ก็ยกเรื่อง ฮารดแวร์ไปให้กับ Data Center ไปเลย เช่ากันหลายๆ ปีไปเลย
- หรือไม่ก็ใช้บริการ Google Cloud, Amazon, Microsoft Azure ก็ว่ากันไปตามความเหมาะสม ความชำนาญ เพราะระบบ Cloud แบบนั้น ผู้ใช้บริการต้องดูแลตัวเอง หากต้องการการดูแล ต้องการหมอพิเศษก็อีกราคาหนึ่ง
ก็พอจะเป็นแนวทางได้แล้วว่า การจะตัดสินใจเริ่มต้นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการจะพัฒนาอะไร
ในการให้บริการแพลตฟอร์ม ของแพลตฟอร์มต่าง ๆ จึงมี Solution ต่างกันออกไป ที่นอกจากจะต้องพิจารณาเรื่องงเินทุนแล้ว จะต้องคำนึงถึงการขยายตัว การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัยจากภัยคุกคามต่าง ๆ หรือจากการโจรกรรม จากแฮกเกอร์ จากภัยธรรมชาติ และเสถียรภาพในการให้บริการ
ก็ขอจบบทความนี้กันตรงนี้นะครับ หากสนใจใช้บริการ โปรดติดต่อพันธมิตรของเรา www.btechcloud.com บริหารงานโดย บ บางรักไฮเทค จำกัด ที่เปิดให้บริการทุกรูกแบบตามงบลงทุนของท่าน ตั้งแต่ hosting ไปจนถึง ระบบ Privtae Cloud (แท้ๆ ฮ่าาาๆๆ ) และ ระบบ Publlic Cloud
18565total visits,2visits today